(간통죄/GAN TONG JOE/คันทง-จเว) คือกฎหมายที่เคยใช้ลงโทษผู้ที่นอกใจคู่สมรสในเกาหลีใต้
- Manage
- 17 ต.ค.
- ยาว 1 นาที
กฎหมาย “การมีชู้” หรือที่เรียกว่า 간통죄 GAN TONG JOE (คันทง-จเว)หมายถึงเมื่อคู่สมรสไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่สามีหรือภรรยาของตนจะถือว่าเป็นการกระทำผิดทางอาญาที่รัฐสามารถลงโทษได้เกาหลีใต้ได้บัญญัติกฎหมายนี้ขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1953 ในยุคนั้นสังคมเกาหลีให้ความสำคัญอย่างมากกับสถาบันการแต่งงานและครอบครัวเพราะเชื่อว่าการมีชู้เป็นสิ่งที่ทำลายครอบครัวและระเบียบของสังคม

กฎหมายนี้ถูกคงไว้เป็นเวลานานโดยอ้างว่าเพื่อ “คุ้มครองครอบครัว”หากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งมีชู้ ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องต่อศาลได้ทั้งผู้กระทำและคู่ชู้จะถูกลงโทษทางอาญาทั้งคู่โดยมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 2 ปีกล่าวได้ว่ารัฐได้เข้ามาแทรกแซงในเรื่องส่วนตัวของประชาชนโดยตรงและถือเป็นหนึ่งในกฎหมายที่เข้มงวดมากในภูมิภาคเอเชีย
แต่เมื่อเวลาผ่านไป มุมมองของผู้คนก็เริ่มเปลี่ยนไปหลายคนเห็นว่าการลงโทษเรื่องความรักส่วนตัวด้วยกฎหมายอาญานั้นเกินไปอีกทั้งกฎหมายนี้ไม่สามารถปกป้องครอบครัวได้จริงในบางกรณียังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหรือข่มขู่ระหว่างการหย่าร้างจึงเกิดเสียงวิพากษ์ว่ากฎหมายนี้ละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลและในที่สุดเรื่องนี้ก็ถูกนำขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญ
ในปี ค.ศ.2008 ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีได้พิจารณาและมีเสียงบางส่วนว่ากฎหมายนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปอย่างไรก็ตาม การถกเถียงเรื่องความเหมาะสมยังคงดำเนินต่อเนื่องจนกระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.2015ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินขั้นสุดท้ายว่ากฎหมายนี้ “ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”ส่งผลให้กฎหมายการมีชู้ถูกยกเลิกไปอย่างสมบูรณ์หลังจากใช้มานานถึง 62 ปี

หลังจากการยกเลิกกฎหมายนี้ การนอกใจคู่สมรสจึงไม่ถือเป็นคดีอาญาอีกต่อไปแต่ยังคงสามารถฟ้องร้องทางแพ่งได้ในบางกรณีหากคู่สมรสมีชู้ อีกฝ่ายสามารถใช้เป็นเหตุในการหย่าร้างได้รวมถึงสามารถเรียกร้องค่าเสียหายทางจิตใจ (ค่าเยียวยา) ได้เช่นกัน ดังนั้นแม้จะไม่ใช่ “อาชญากรรม” อีกต่อไปแต่การนอกใจยังคงถือเป็นการทำลายความไว้วางใจอย่างร้ายแรงในชีวิตสมรส
การยกเลิกกฎหมายนี้ไม่ใช่แค่การลบข้อกฎหมายออกแต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางค่านิยมของสังคมเกาหลีที่ให้ความสำคัญกับเสรีภาพส่วนบุคคลและสิทธิในความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนกังวลว่าอาจทำให้ศีลธรรมของสังคมลดลงการถกเถียงนี้สะท้อนให้เห็นถึงการหาสมดุลระหว่าง “เสรีภาพส่วนบุคคล” และ “คุณค่าครอบครัว”ประวัติของกฎหมายการมีชู้ในเกาหลีจึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายตามยุคสมัย
